การแข่งขันศิลปินดาวเด่นบัวหลวง 101 ประจำปี 2553 จัดขึ้นครั้งที่ 3 แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและสร้างศิลปินหนุ่มสาวรุ่นใหม่ จุดประกายความตื่นตัวการสร้างสรรค์งานศิลปะ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจ มีความสุขเมื่อได้ชมงานศิลปะ อันจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง สถาบันการศึกษา มูลนิธิธนาคารกรุงเทพ และหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในด้านวิชาการศิลปะ เพื่อพัฒนาทักษะ ความสามารถในการสร้างสรรค์
ชมภาพบรรยากาศ คลิก
บทสัมภาษณ์อาจารย์เฉลิมชัย
ครั้งนี้คิดว่า เด็กน่าจะมีการเตรียมการมากขึ้น น่าจะได้คนมีฝีมือ แล้วคนที่แปลกๆบ้าง เพราะว่าเราอยากจะหาคนแปลก ดังนั้นปีนี้ก็น่าดัง เพราะทำกันมา 3 ปีแล้ว หลายๆคนก็อยากจะมา อาจารย์เค้าคงคัดมาดี อันจริงๆแล้วขบวนการคัดเลือกเป็นเรื่องสำคัญ สำคัญมาก เพราะว่าถ้าเราคัดคนที่มีความคิด ไม่ใช่เก่งอยากเดียว คือคนเนี่ยถ้ามันวาดรูปเก่ง บางทีมันคิดไม่เป็น บางทีมันคิดไม่เก่ง ทักษะดีมันก็ลืมคิดเพราะมันคิดว่ามันเก่ง ที่นี้เราจะหาคนที่เก่งทั้งทักษะและความคิดยาก ดังนั้นถ้าอาจารย์เค้าเลือกมาไอ้คนนี้คิดดีน่ะแต่คนนี้ไม่ค่อยมีทักษะ ความคิดมันมีอะไรที่คิดแปลกๆ อย่างนี้อะน่าสนใจ ที่นี่เราเลือกเองไม่ได้ไงก็ต้องอาจารย์ส่งมา ดังนั้นแต่ละปีก็ขึ้นอยู่กับว่าอาจารย์ส่งมา เค้าส่งใครมา อันนี้สำคัญนะ สำคัญมาก จริงๆพี่ก็อยากจะปล่อยอิสระภาพมากกว่า คือหมายความว่าให้เค้ามาสมัครแล้วเราคัด อันนี้น่าสนใจๆ ที่นี่เราไม่มีโอกาสทำอย่างนั้น ถ้ามีโอกาสมันน่าจะดี มันน่าจะมัน ให้เค้ามากันเลย 5 6 ร้อย พันหนึง เสร็จแล้วเราคัดเอง เราสอบสัมภาษณ์เอง โอโห้แล้วคัดออกมาเหลือ 40 หรือเอาเค้าจากมหาลัย เค้าส่งมาเท่านี้แล้วเราคัด แต่มันเสียเวลาเยอะ แล้วเราก็หากรรมการที่เป็นกลางที่สุด คือไม่ใช่อาจารย์ที่สอนตรงนั้นตรงนี้ เราต้องเป็นกลางที่จะรับเลือกเด็ก คิดว่าเป็นวิธีที่ดี แต่ว่ามันเป็นเรื่องยาก เพรามันใช้เวลามาก แต่มันเป็นเรื่องดี ถ้าสมมติเรามีอิสรภาพในการคัดคน ดังนั้นเวลาคัดเราก็จะไม่คิดว่าเค้าคือใคร มีเส้นหรือไม่มีเส้น เป็นลูกอาจารย์หรือไม่เป็นลูกอาจารย์ เราก็จะได้เลือกอะไรที่หลากหลาย ถ้าคนมันหลากหลายน่ะ เวลามันมาอยู่ร่วมกัน มันมีความขัดแย้งแปลกใหม่ มันก็จะดี แต่ถ้าเกิดมันมาแบบสไตเดียวกันหมดเลย แล้วมันมาอยู่ด้วยกัน มันขาดอ่ะ เราอยากให้มันพัฒนาเร็วที่สุด การพัฒนาเร็วก็คือการมีความคิดที่แตกต่าง ขบวนการคิดต้องแตกต่าง การทำงานต้องแตกต่าง มันจะได้คนที่อ่อนด้านหนึงได้อีกด้านหนึง คนที่อ่อนทักษะได้ทักษะ คนที่อ่อนสมองคิดได้ความคิด
สิ่งที่คนที่เข้ามาชมงานจะได้รับ
จริงๆถ้าเค้ามาต่อเนื่อง เค้าจะได้ความคิด โดยเฉพาะระบบการทำงาน ระบบคิดต่างๆ จะเห็นการพัฒนาการของเทคนิด การทำงานศิลปแต่ละคนซึ่งแตกต่าง ขบวนการจัดการของเค้าเองก็แตกต่าง อันนี้คือผลที่จะได้สำหรับประชาชนที่เข้ามา ประชาชนเค้าก็จะได้มาเห็นมาดูวิธีคิด วิธีการทำงาน แล้วก็มีความสุข ส่วนเยาวชน เด็กๆ ก็จะตื่นตัว ทำให้สิ่งที่เค้าเห็น พบ สิ่งที่อยากจะทำ สิ่งที่อยากจะวาดรูป ให้เค้าแสดงออกมากขึ้น ส่วนเด็กที่เรียนศิลปะอยู่นั้นสำคัญ เค้าน่าจะมาดู เพราะว่าเป็นสิ่งที่ได้เห็นหลากหลาย ความหลากหลายทั้งเทคนิด ทั้งวิธีการต่างๆนั้น เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็กที่เรียนศิลปะ
ที่มา http://bualuang101.kapook.com/vdo/index.php?Clip=m-chalermchai_1
ข้อมูลเพิ่มเติม http://bualuang101.kapook.com/index.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น